5 สิ่งในรถที่ควรตรวจเช็ครับหน้าฝน


สภาพอากาศในบ้านเราเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว หลังจากผ่านฤดูร้อนที่ร้อนเปรี้ยงสมชื่อ ซึ่งการใช้งานรถในช่วงหน้าร้อน อาจส่งผลให้อุปกรณ์บางอย่างในรถยนต์เสื่อมเร็วกว่าปกติ อาจทำให้ทำงานได้ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรในหน้าฝน

      จึงขอแนะนำ 5 สิ่งที่ควรตรวจเช็ครับหน้าฝนนี้ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยของคุณผู้อ่าน จะมีอะไรบ้าง?

1.ใบปัดน้ำฝน

     อายุเฉลี่ยของใบปัดน้ำฝนจะอยู่ที่ประมาณ 2 ปี แต่สภาพอากาศที่ร้อนในบ้านเราเป็นตัวเร่งให้ยางใบปัดเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรตรวจเช็คด้วยการฉีดน้ำล้างกระจก เพื่อดูว่ายังคงปัดน้ำได้เกลี้ยงหรือไม่ หากเสื่อมสภาพจริงๆก็ควรรีบเปลี่ยน เพราะมีราคาไม่กี่ร้อยบาทแลกกับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

2.ยางรถยนต์

     ดอกยางถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยบนถนนเปียก หากดอกยางเหลือน้อย ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการรีดน้ำต่ำลง หากขับผ่านแอ่งน้ำด้วยความเร็วสูง จะทำให้เกิดอาการเหิรน้ำ ส่งผลให้รถหมุนแฉลบได้ ยางที่ดีควรมีดอกยางเหลือไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร และต้องไม่มีรอยปริแตกโดยเฉพาะบนแก้มยาง

 

3.ระบบเบรก ABS

     รถยนต์รุ่นใหม่ๆ มักมาพร้อมระบบเบรก ABS เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่แล้ว ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อคตายเมื่อเหยียบเบรกเต็มแรง ซึ่งมีประโยชน์มากบนถนนเปียกลื่น เพราะผู้ขับขี่จะยังคงสามารถควบคุมทิศทางตัวรถเพื่อเลี่ยงสิ่งกีดขวางข้างหน้าได้

 วิธีตรวจเช็คก็ง่ายๆ ให้ลองหาถนนโล่งๆและปลอดภัย (หากเป็นถนนเปียกหรือมีทรายอยู่บ้างจะดีมาก) ขับรถด้วยความเร็วราว 30 กม./ชม. จากนั้นให้เหยียบเบรกเต็มแรง หากได้ยินเสียงดังจากช่วงล่างและมีแรงสะท้านที่แป้นเบรกเป็นจังหวะถี่ๆ นั่นแสดงว่าระบบเอบีเอสยังคงทำงานได้ดีอยู่ แต่หากได้ยินเสียงยางบดถนนดังเอี๊ยดยาวๆ แล้วล่ะก็ แสดงว่าเอบีเอสมีปัญหาแล้วล่ะ

 

4.ไฟส่องสว่างรอบคัน

     ระบบไฟส่องสว่างถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่่งในขณะฝนตก ดังนั้น จึงควรตรวจเช็คหลอดไฟทุกจุด ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว รวมถึงไฟตัดหมอกหน้า-หลัง (ถ้ามี) เพราะจะช่วยให้รถคันอื่นสามารถมองเห็นคุณได้ง่ายขึ้นท่ามกลางทัศนวิสัยที่ย่ำแย่ แต่หากหลอดไฟติดเพียงข้างเดียว อาจทำให้รถคันอื่นคิดว่าคุณคือมอเตอร์ไซค์ เสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้

 

5.สนิมบนตัวถัง

     ปัญหาสนิมบนตัวถังไม่จำเป็นว่าจะเกิดขึ้นกับรถเก่าเกิน 10 ปีขึ้นไปเท่านั้น แต่รถใหม่ที่ถูกเฉี่ยวชนจนมีรอยลึกไปถึงเนื้อเหล็ก ก็อาจทำให้เกิดสนิมได้ด้วยเช่นกัน

     ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในการขับรถหน้าฝน ก็คือการใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ ใช้ความเร็วต่ำกว่าปกติ เว้นระยะห่างคันหน้าให้มากขึ้น และมีน้ำใจแก่ผู้ร่วมทาง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ขับขี่หน้าฝนได้อย่างปลอดภัยขึ้นครับ

บทความที่คล้ายกัน

7 อาการน่าเป็นห่วง! เมื่อรถของท่านต้องการการดูแล
อาการน่าเป็นห่วง ควันขาว ออกเยอะผิดปกติ
จอดรถกลางแดด 'ยกก้านปัดน้ำฝน' ควรทำหรือไม่?
วิธีการให้สัญญาณในการออกรถ การเลี้ยวรถ และการกลับรถ
การเปลี่ยนสีรถ
เทคนิคการเลือกประกันภัยอย่างไรให้เหมาะกับรถมือสอง
รู้จักประกันภัยรถยนต์
10 คำศัพท์รถยนต์พื้นฐานที่คนใช้รถควรรู้
จอดรถเกียร์ P กับ N จอดรถแบบไหนใช้เกียร์อะไร?
Toyota Innova Crysta ใหม่ มียอดจองเฉียด 2 หมื่นคันแล้วที่อินเดีย
เปลี่ยนยาง ขณะรถยางแตก ผู้หญิงก็ทำได้
ไฟฉุกเฉิน" ใช้ไม่เป็น ผิดกฎหมาย
5 สิ่งไม่ลับ แต่คุณอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับประกันภัยชั้น 1
5 เทคนิคจอดรถให้ปลอดภัยไม่โดนทุบ
8 นิสัยเสียขณะขับรถที่คุณเผลอทำโดยไม่รู้ตัว
เทคนิค 5 ข้อจัดการ 'ขี้นก' ก่อนสีรถจะเสียหาย
ซ่อมห้าง กับ ซ่อมอู่ ที่ไหนดีกว่ากัน?
ของแต่งรถเบื้องต้น 10 อย่าง ที่จะเพิ่มสมรรถนะของรถคุณให้เหมือนรถแข่ง
เคล็ดลับขับขี่อย่างปลอดภัย เมื่อต้องขับขี่ในขณะที่ฝนตกและถนนเปียกลื่น
เรื่องของล้อแม็ก…ทำไมต้องเลือกเบาไว้ก่อน?
ผู้ขับขี่รถยนต์เพลียหนัก เจอใบสั่งหลัง "เงารถ" คร่อมเลน
จอดรถ ทำไมต้องหันหน้าออก
5 เทคนิคสำคัญในการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์
10 ท่าทางจับพวงมาลัย.. บอกนิสัยคุณได้!
ระบบจองตั๋วรถทัวร์ออนไลน์ เพื่อความสะดวกไม่ต้องออกไปจองนอกบ้าน