การเปลี่ยนสีรถ
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสีของรถยนต์ไม่ว่าส่วนใดของตัวรถ หรือเปลี่ยน แปลงนอกเหนือจากที่ระบุไว้ตอนจดทะเบียน ต้องทำการจดแจ้งการเปลี่ยนสีรถ เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนสีนั้นหากเกินกำหนด เจ้าของรถจะ มีความผิดตามมาตรา 60 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
โดยตามกฎหมายมีข้อกำหนดว่าหากการเปลี่ยนสีรถยนต์มีมากกว่า 30% ของพื้นที่สีรถทั้งหมด เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ต่อกรมขนส่งทางบก แต่ถ้าเป็นการเปลี่ยนสีเฉพาะส่วน โดยมีพื้นที่ไม่ถึง 30% ของพื้นผิวรถยนต์ ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งครับ เช่นการเปลี่ยนสีเฉพาะส่วน หลังคา , ฝากระโปรงหน้า แบบนี้ไม่ถึง 30% ไม่ต้องจดแจ้งครับ หากคุณต้องการเปลี่ยนสีรถยนต์ให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วละก็ สามารถทำได้ไม่ยากครับ เพียงแค่ไปจดแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ที่กรมขนส่งทางบก ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
ส่วนวิธีในการจดแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์นั้น สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ เรานำรถเข้าไปรับการตรวจสภาพที่กรมขนส่งทางบก และเตรียมเอกสารไปตามรายการข้างล่างนี้
1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถ
2. ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน
3. หลักฐานการเปลี่ยนสีรถ เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าจ้างทำสี
ในกรณีที่เจ้าของไม่ได้ไปเองต้องเตรียมเอกสารแนบเพิ่มดังนี้ครับ
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (กรณีผู้ดำเนินการไม่ใช่เจ้าของรถ)
2. หนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของรถ ติดอากรแสตมป์ 10 บาท (กรณีผู้ดำเนินการไม่ใช่เจ้าของรถ)
ขั้นตอนการดำเนินการ
1. ยื่นคำขอพร้อมหลักฐาน เพื่อขอนำรถเข้ารับการตรวจสอบ
2. ยื่นตรวจสอบคำขอพร้อม หลักฐาน และผลผ่านการ ตรวจสอบรถ
3. ชำระเงินค่าธรรมเนียม
4. รอรับเอกสารคืน
การเปลี่ยนสีฝาครอบกระโปรงหน้ารถ และการติดสติกเกอร์เพื่อ โฆษณาบริเวณตัวรถทั้งคัน หรือบางส่วน เป็นการทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าสีดังกล่าวเป็นสีของรถ ถือว่าเป็น การเปลี่ยนแปลงสีรถให้ผิดไปจากเดิมที่เคยจดทะเบียนไว้ แม้มิได้ทำการ เปลี่ยนแปลงสีของรถโดยการพ่นหรือการทาให้สีติดกับตัวถังรถอย่างถาวรก็ตาม …
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก